ป้ายกำกับ:nuno168
เอริก ดานีแยล ปีแยร์ ก็องโตนา (Eric Daniel Pierre Cantona) เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1966 ที่เมืองมาร์กเซย ประเทศฝรั่งเศส ครอบครัวของเขามีเชื้อสายผสมทั้งสเปนและอิตาลี เติบโตมาในครอบครัวชนชั้นแรงงาน แม้จะไม่ได้ร่ำรวย แต่เขามีความฝันที่จะก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลตั้งแต่วัยเด็ก( คันโตน่า )
ก็องโตนาเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับสโมสร Auxerre ก่อนถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นกับ Martigues และค่อย ๆ แสดงศักยภาพจนได้รับโอกาสลงเล่นในลีกเอิงเต็มตัว ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน มั่นใจ และมีพรสวรรค์ ก็องโตนากลายเป็นดาวรุ่งที่ถูกจับตามอง
เขาเคยค้าแข้งกับหลายสโมสรในฝรั่งเศส เช่น Olympique de Marseille, Bordeaux และ Montpellier แต่ช่วงแรกในอาชีพเต็มไปด้วยความดื้อรั้นและพฤติกรรมที่ถูกวิจารณ์ อย่างไรก็ตาม ความสามารถของเขายังคงโดดเด่นเสมอ
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อก็องโตนาย้ายมาอังกฤษในปี 1992 โดยเริ่มกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และพาทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 (ลีกสูงสุดเดิมก่อนเปลี่ยนเป็นพรีเมียร์ลีก) ทันที
ปลายปี 1992 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจดึงก็องโตนามาสู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวเพียง 1.2 ล้านปอนด์ การมาของเขากลายเป็นจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์สโมสร
ก็องโตนามีส่วนสำคัญในการพาแมนฯ ยูไนเต็ด คว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย ใน 5 ฤดูกาล (1992–93, 1993–94, 1995–96, 1996–97) พร้อมกับเอฟเอ คัพอีก 2 สมัย สไตล์การเล่นของเขามีทั้งความสร้างสรรค์ การจบสกอร์ที่เฉียบคม และความเป็นผู้นำในสนาม
แฟนบอลต่างขนานนามเขาว่า “King Eric” เพราะไม่เพียงช่วยปลุกยุคทองของแมนฯ ยูไนเต็ด แต่ยังกลายเป็นไอคอนแห่งพรีเมียร์ลีกในยุคบุกเบิก
แม้จะเป็นตำนาน แต่ก็องโตนาก็ขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์ร้อน เหตุการณ์ที่โด่งดังที่สุดเกิดขึ้นในปี 1995 เมื่อเขาเตะ “คาราเต้คิก” ใส่แฟนบอลคริสตัล พาเลซ ที่สนามเซลเฮิร์สต์ พาร์ก จนถูกแบนยาว 9 เดือนและถูกลงโทษหนัก อย่างไรก็ตาม หลังกลับมา เขายังคงพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง
ปี 1997 ก็องโตนาสร้างความตกใจเมื่อประกาศแขวนสตั๊ดในวัยเพียง 30 ปี แต่เขาเลือกเดินเส้นทางใหม่ในฐานะนักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ อีกทั้งยังมีบทบาทในวงการศิลปะและสารคดี
หลังจากแขวนสตั๊ด ก็องโตนามีผลงานด้านการแสดง เช่น ภาพยนตร์ Elizabeth (1998) และ Looking for Eric (2009) นอกจากนี้ยังทำงานด้านสังคมและเป็นที่เคารพในฐานะบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์
เอริก ก็องโตนา ไม่เพียงเป็นนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็น “ศิลปินลูกหนัง” ที่เปลี่ยนโฉมหน้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และพรีเมียร์ลีกในยุค 90s เขาคือสัญลักษณ์แห่งความมั่นใจ ความดุดัน และความเป็นผู้นำที่แฟนบอลทั่วโลกยังคงจดจำจนถึงปัจจุบัน”อ่านเพิ่มเติม” nuno168