
วงการฟุตบอลอังกฤษต้องสะเทือนอีกครั้ง เมื่อ “เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด” หรือที่แฟนบอลไทยนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า “เชฟยู” ตัดสินใจครั้งใหญ่ด้วยการปลด รูเบน เซเยส (Ruben Selles) ออกจากตำแหน่งกุนซือ หลังจากผลงานในฤดูกาลล่าสุดตกต่ำไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเสียงวิจารณ์จากแฟนบอลดังขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเรื่องสไตล์การเล่นที่ขาดความดุดันและไร้ประสิทธิภาพ ข่าวลือที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานี้ก็คือ สโมสรเตรียมดึงอดีตกุนซือขวัญใจแฟนบอลอย่าง คริส ไวล์เดอร์ (Chris Wilder) กลับมานั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีม เพื่อมากอบกู้สถานการณ์ที่กำลังย่ำแย่
การปลดเซเยสถือเป็นสัญญาณว่าบอร์ดบริหารไม่อาจทนต่อผลลัพธ์ที่กำลังพาทีมดิ่งลงเหวต่อไปได้ ผลงานของทีมในฤดูกาลปัจจุบันเริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้ติดต่อกันหลายเกม เกมรุกแทบไม่สร้างความหวังให้แฟนบอลได้เลย แม้ในนัดที่ควรเก็บแต้มง่าย ทีมกลับสะดุดพ่ายหรือเสมออย่างไม่น่าเชื่อ การจัดการนักเตะก็ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถใช้ศักยภาพของผู้เล่นได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การยืนระยะในลีกที่โหดหินอย่างแชมเปี้ยนชิพต้องการโค้ชที่มีประสบการณ์และความสามารถในการแก้เกมเฉพาะหน้า แต่เซเยสยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาเหมาะสมกับงานนี้
อีกเหตุผลสำคัญคือแรงกดดันมหาศาลจากกองเชียร์ที่รักสโมสรอย่างลึกซึ้ง เมื่อผลงานไม่ดีต่อเนื่อง เสียงเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ บอร์ดจึงจำเป็นต้องเลือกทางออกที่ชัดเจนเพื่อรักษาภาพลักษณ์และความหวังของแฟน ๆ ไม่ให้หายไปหมด
เมื่อมองย้อนกลับไปในผลงานของเซเยสตั้งแต่เข้ามาคุมทีม จะเห็นได้ว่าเขาพยายามสร้างทีมด้วยปรัชญาเน้นการครองบอลและเล่นอย่างเป็นระบบ แต่ปัญหาคือการครองบอลเหล่านั้นกลับไม่สามารถต่อยอดไปสู่การสร้างโอกาสที่ชัดเจนได้ บ่อยครั้งทีมครองบอลได้มากกว่าแต่จบสกอร์ไม่ได้ สุดท้ายก็โดนคู่แข่งลงโทษด้วยจังหวะสวนกลับที่เฉียบคมกว่า
นอกจากนี้ ความผิดพลาดในแนวรับยังเป็นจุดอ่อนสำคัญ หลายเกมเสียประตูง่าย ๆ จากการยืนตำแหน่งไม่รัดกุมหรือความผิดพลาดส่วนบุคคลของนักเตะ การจัดตัวผู้เล่นก็ถูกตั้งคำถามว่าทำไมไม่ให้โอกาสนักเตะบางคนที่มีฟอร์มดี ขณะที่บางคนที่ฟอร์มตกก็ยังคงได้ลงสนามต่อเนื่อง จนเกิดความไม่พอใจในกลุ่มแฟนบอลอย่างชัดเจน
ชื่อของ คริส ไวล์เดอร์ ไม่ใช่แค่กุนซือธรรมดาสำหรับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แต่เขาคือ “ตำนานผู้สร้างทีม” ในยุคใหม่ ไวล์เดอร์เคยเข้ามาคุมทีมในปี 2016 ตอนนั้นเชฟยูอยู่ในลีกวัน แต่ด้วยสไตล์การทำทีมที่เข้มข้น เน้นพลังเพรสซิ่งและการเล่นดุดัน เขาสามารถพาทีมไต่ขึ้นมาสู่แชมเปี้ยนชิพและต่อยอดจนเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ
สิ่งที่ทำให้แฟนบอลรักไวล์เดอร์คือเขาเป็นคนเชฟฟิลด์โดยกำเนิด รู้จักวัฒนธรรมและหัวใจของสโมสรเป็นอย่างดี ทุกคำพูดและการตัดสินใจสะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะพาทีมไปข้างหน้า แท็กติกของเขาโดดเด่นเรื่องการใช้วิงแบ็กเติมเกมรุก สร้างความดุดันในแดนกลาง และการเล่นเป็นระบบทีมมากกว่าพึ่งพาซูเปอร์สตาร์
การกลับมาของไวล์เดอร์จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการแก้ปัญหาฟุตบอล แต่ยังเป็นการเรียกศรัทธาและพลังใจของแฟนบอลกลับคืนมาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การกลับมาครั้งนี้ของไวล์เดอร์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้าใหญ่หลวงกว่าสมัยแรกที่เขาคุมทีม
ข่าวการปลดเซเยสและการคาดหมายว่าไวล์เดอร์จะกลับมาทำให้กระแสในโลกโซเชียลคึกคักทันที แฟนบอลจำนวนมากแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าการกลับมาของเขาจะทำให้ทีมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ไม่เพียงแค่ในสนาม แต่ยังสร้างบรรยากาศใหม่ ๆ ให้กับชุมชนเชฟฟิลด์ที่ผูกพันกับสโมสรอย่างลึกซึ้ง
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ฟุตบอลหลายคนยังชี้ว่าการเปลี่ยนโค้ชครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนของลีก เพราะหากไวล์เดอร์สามารถพลิกสถานการณ์ได้จริง เชฟยูจะกลับมาเป็นทีมที่น่าจับตามองในทันที และอาจกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในการลุ้นเลื่อนชั้น
ในแง่การบริหาร การปลดเซเยสและดึงไวล์เดอร์กลับมาถือเป็นการเลือกเดิมพันกับสิ่งที่คุ้นเคย แทนที่จะเสี่ยงกับกุนซือใหม่ที่อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัว กลยุทธ์นี้สะท้อนว่าบอร์ดบริหารมองเป้าหมายระยะสั้นเป็นหลัก คือต้องการกอบกู้ผลงานทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ทีมตกชั้นหรือสูญเสียรายได้มหาศาลจากการอยู่ลีกล่าง
ในระยะยาว บทเรียนครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นว่าการเลือกโค้ชต้องสอดคล้องกับวัฒนธรรมและทรัพยากรของสโมสร ไม่ใช่แค่เลือกคนที่มีชื่อเสียงหรือปรัชญาฟุตบอลทันสมัย แต่ต้องเลือกคนที่สามารถปรับเข้ากับทีมได้อย่างแท้จริง
หากไวล์เดอร์กลับมาจริง โอกาสในการพลิกสถานการณ์ยังมีอยู่สูง เพราะเขารู้จักทีมและสโมสรเป็นอย่างดี อย่างน้อยที่สุดเขาจะช่วยยกระดับสปิริตของนักเตะและแฟนบอลให้กลับมามีกำลังใจอีกครั้ง
แต่หากการเจรจาไม่สำเร็จ สโมสรจำเป็นต้องหาทางเลือกอื่นที่เหมาะสม เช่นการดึงกุนซือจากต่างแดนที่มีประสบการณ์ในลีกล่างของอังกฤษ หรือโค้ชหนุ่มที่มีไอเดียใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะเข้ามา ความท้าทายก็ยังคงหนักหน่วงเหมือนเดิม เพราะลีกนี้เต็มไปด้วยคู่แข่งที่แข็งแกร่งและมีทรัพยากรมากกว่า
การปลด รูเบน เซเยส ออกจากตำแหน่งกุนซือคือการตัดสินใจที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด การดึง คริส ไวล์เดอร์ กลับมาถือเป็นความหวังใหม่ที่แฟนบอลเฝ้ารอ แต่เส้นทางนี้ไม่ง่าย เพราะเต็มไปด้วยความกดดันและโจทย์ยากที่ต้องแก้ในเวลาอันจำกัด ไม่ว่าจะอย่างไร การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือสัญญาณว่าสโมสรยังคงสู้และไม่ยอมปล่อยให้อนาคตดับสูญ
แฟนบอลทั่วโลกกำลังรอดูว่า การหวนคืนของไวล์เดอร์จะกลายเป็น “จุดเปลี่ยนที่แท้จริง” หรือเป็นเพียงแค่การเสี่ยงครั้งสุดท้ายของทีมที่กำลังจมอยู่ในความยากลำบาก อ่านต่อที่ sqgame555