เว็บพนันที่ดีที่สุด

Birds of Prey (2020) ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ผู้เริดเชิด

By admin เวลา 23 มิถุนายน 2021 12:48 am

ป้ายกำกับ:,

     ว่ากันแบบไม่อ้อมค้อมนะครับ ผมว่า Birds of Prey เนี่ย เป็นหนังที่สนุกที่สุดในบรรดาหนัง DC ที่ผมดูมาเลย     ที่ผมบอกว่า “สนุกที่สุด” เพราะว่าตัวละครทุกตัวมีเสน่ห์ การดำเนินเรื่องมันไม่น่าเบื่อ มีมุขตลกหยอดมาตลอดทั้งเรื่อง และมีฉากแอคชั่นที่มันส์สาแก่ใจคอหนังกำลังภายในแน่นอน แต่ผมไม่สามารถใช้คำว่า “ดีที่สุด” กับเรื่องนี้ได้ เพราะหนังไม่ได้ลงตัวเพอร์เฟคแบบที่ Wonder Woman ทำเอาไว้ หรือว่าไม่ได้มหัศจรรย์เหมือน Aquaman แต่ว่า Birds of Prey มีองค์ประกอบหลายอย่างที่เข้าขั้น “เจ๋งและเท่ห์” สุดๆ    Birds of Prey เป็นเรื่องราวอีกด้านที่บอกเล่าผ่านฮาร์ลีย์ด้วยตัวเอง ซึ่งมีเพียงเธอเท่านั้นที่จะเล่าได้ เมื่อวายร้ายที่ชอบหลงตัวเองแห่งก็อตแธมอย่าง โรมัน ซิโอนิส และ ซาส มือขวาจอมขยันของเขาพุ่งเป้าไปที่สาวน้อยที่ชื่อแคส ทั้งเมืองต้องเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในการตามหาเธอ บนเส้นทางที่ขัดแย้งกันระหว่างฮาร์ลีย์ ฮันเทรส แบล็ค คานารี และ เรเน่ มอนโตย่า เหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากจะร่วมมือกันโค่นโรมันให้ได้

     ผมขอชื่นชมพัฒนาการของ DCEU ในช่วงหลังๆ มานะครับ เพราะตอนแรกที่เริ่มกับ Man of Steel ก็ยังพอโอเค แต่พอมาถึง BvS กับ Suicide Squad เนี่ยผมว่าจักรวาลเริ่มสั่นคลอนละ จากนั้นก็มาปังกับแม่ Wonder Woman ก่อนจะดิ่งลงเหวอีกครั้งกับ Justice League     แต่แล้วความหวังก็ปรากฎตัวขึ้นเมื่อ Aquaman ออกฉายและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทั้งในแง่รายได้และคำวิจารณ์(และเป็นหนัง DCEU เรื่องแรกที่สามารถทำรายได้ทะลุหลักพันล้าน) หลังจากนั้นก็มี Shazam! ตามออกมาซึ่งก็ผลตอบรับก็ถือว่าดีในระดับนึง สำหรับ Birds of Prey นี้ ถึงแม้รายได้จะน้อยที่สุดในบรรดาหนัง DCEU ทั้งหมด แต่ว่าในด้านคำวิจารณ์นั้นถือว่าออกมาดีเลยล่ะ     มาพูดถึงตัวหนัง ผมว่าเวิร์คในระดับหนึ่งเลยนะ ถ้าถามว่าผมชอบอะไรมากที่สุดในเรื่อง ผมชอบ story ของหนังครับ หนังมีทั้งพล็อตหลักและพล็อตรอง พล็อตหลักคือฮาร์ลีย์ ควินน์ต้องทำภารกิจฉกเพชรที่แคสซานดรา เคนขโมยมาจากโรมัน ไซโอนิสไปคืนเจ้าของให้ได้ แต่พล็อตรองนั้นมีค่อนข้างเยอะ ทั้งการสืบคดีของเจ้าหน้าที่มอนโทย่า, การทำงานให้ไซโอนิสของไดน่า และก็การตามล่าล้างแค้นของเฮเลน่า พล็อตเหล่านี้ได้ถูกเล่าพร้อมกันในช่วงครึ่งแรก ซึ่งจะว่าไปถ้าผกก. ไม่เจ๋งจริงผมว่าพังแน่นอนครับ ก็ต้องชื่นชม Cathy Yan ในการกำกับหนังใหญ่ครั้งแรกครับ ถือว่าทำออกมาได้น่าพึงพอใจมาก

     เหล่าตัวละครในเรื่องถือว่าสร้างสีสันให้หนังเป็นอย่างมากครับ ฮาร์ลีย์ ควินน์นี่คือตัวชูโรงของหนังเลยก็ว่าได้ ต้องขอชื่นชม Margot Robbie ครับที่เล่นบทนี้ออกมาได้ทะเล้น บ้าบอ และน่ารักมาก ถ้าไม่ใช่เธอผมก็แทบนึกไม่ออกแล้วว่าใครจะมาเล่นแทนเธอได้ เรเน่ มอนโทย่าก็ถือว่าดิบดี และผมชอบที่ Rosie Perez เล่นบทนี้ได้เฟี้ยวฟ้าวมาก ส่วนแบล็ค แคนาเร่ รายนี้ผมว่าเด่นพอสมควรเลย แถมการแสดงของ Jurnee Smollett-Bell ก็ดีมากๆ อย่างฉากในบาร์ตอนกลางเรื่องนี่ถือว่าเธอเล่นได้นิ่ง(แต่เจ็บลึก)มาก แต่รายที่ผมชอบมากที่สุดก็คือฮันเทรส เจ๊แกออกน้อยแต่ว่าออกมาทีนี่แย่งซีนชาวบ้านได้เยอะเลย แถม Mary Elizabeth Winstead ก็สวยสะพรั่งแถมเท่ห์สุดๆ     ตัวละครอื่นๆ อย่างแคสซานดรา เคนที่แสดงโดยน้อง Ella Jay Basco นั้นก็โอเคครับ แต่ว่าโดนรัศมีสี่คนด้านบนกลบหมดเลยไม่ค่อยได้ฉายแสงเท่าไหร่ แต่รายที่รัศมีจับมากๆ ก็คือ Ewan McGregor ในบทแบล็ค แมสก์ครับ ฉากที่พี่แกไปบอกให้ลูกน้องขึ้นไปเต้นบนโต๊ะนี่น่ากลัวดีแท้ และสุดท้ายผมขอพื้นที่ชมลุง Dana Lee ในบทด็อคครับ ลุงแกออกมาน้อย แต่ออกมาทีไรได้ใจผมตลอด

     ผมชอบเทคนิคการเล่าเรื่องนะ ช่วงแรกมันจะดูเมาๆ นิดนึง(เพราะคนเล่าเรื่องก็คือตัวฮาร์ลีย์ ควินน์ ซึ่งนางก็ดูเมาๆ อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคนเมาๆ เล่าเรื่องมันก็จะประมาณนี้แหละ555) แต่ว่ามันทำให้หนังดูมีเสน่ห์ขึ้นเป็นกองเลยครับ เพราะตัวหนังมันไม่ได้จำเป็นต้องเล่าเรื่องแบบมีชั้นเชิงหรอก แค่เล่าให้มันสนุกก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ซึ่งหนังมันก็ทำได้ครับ ถึงแม้ครึ่งเรื่องแรกหนังจะเข้าเรื่องช้า แต่ว่ามันไม่ได้น่าเบื่อเลยสักกะนิด เพราะมันมีลูกเล่นแพรวพราวโผล่มาตลอด เช่น การ freeze frame หน้าตัวละครไว้แล้วก็ใส่ข้อมูลลงไปในเฟรมเหมือนวิดีโอเกม หรือว่าจะเป็นการหยุดฉากเพื่อที่จะย้อนไปเล่าเรื่องปูมหลังของตัวละคร ฯลฯ     พอถึงช่วงครึ่งหลัง หนังก็เริ่มเข้าสู่พล็อตหลัก นั่นก็คือการที่ฮาร์ลีย์ต้องตามหาแคสซานดรา เคนเพื่อเอาเพชรจากเธอมาให้ได้ ซึ่งช่วงนี้ของหนังมันโคตรสนุกเลยครับ ฉากแอคชั่นก็มันส์โคตรๆ อาจจะเพราะเราไม่ค่อยเห็นฮาร์ลีย์มาบู๊ๆ แบบนี้เท่าไหร่(ใน Suicide Squad นางแค่เหวี่ยงไม้เบสบอลไปมาแค่นั้น นอกนั้นก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรเลยนอกจากปากมากทั้งเรื่อง) ยิ่งฉากไคล์แมกซ์ที่เหล่าทีมนกผู้ล่าต้อมาร่วมกันต่อสู้นั้น มันมีความเป็น Feminism มากๆ เลยครับ ซึ่งมันก็ไม่ได้ล้นจนน่าเกลียดอะไร(ต่างจาก Charlie’s Angels ที่เน้นประเด็นนี้จนดูเหยียดไปในตัว)

     ในส่วนของการแสดง ผมว่าเด็ดดวงทุกคนเลยครับ Robbie นี่นอนมาอยู่แล้วกับบทนี้ กลับมาคราวนี้ถือว่าเธอได้ทำอะไรเยอะกว่าตอนที่เล่น Suicide Squad เสียอีก, Perez ก็อย่างที่ว่าครับ นางเฟี้ยวฟ้าวอยู่แล้ว, Smollett-Bell นี่ก็เกินคาดมาก ตอนร้องเพลงคือเสน่ห์ล้นพ้น, Winstead นี่ผมชอบมากครับ เล่นได้เถื่อนและดุโดนใจสุด ยิ่งใครที่ตามเธอมาตั้งแต่ Die Hard เนี่ยจะยิ่งชอบเธอมากขึ้นไปอีก(บางทีก็แอบคิดนะว่า ที่เธอเก่งขนาดนี้เนี่ย แม็คเคลนเทรนเธอมาใช่มั้ย555) ส่วนคนอื่นๆ ก็เล่นดีไม่ตกครับ แต่ว่าสี่สาวที่ว่ามาคือเด่นจริงไรจริง     ในด้านของเพลงประกอบ จ๊าบครับ จ๊าบโคตร แต่ละเพลงคือเข้ากับบริบทของฉากสุดๆ อย่างฉากโรงงานเคมีระเบิดนั้น เพลง Joke’s On You ก็ช่วยส่งเสริมอารมณ์ของฉากนั้นให้ดีขึ้นไปอีก หรือว่าฉากในบาร์ที่มีเพลง Boss B**ch ก็สร้างอารมณ์เมามันส์ให้กับฉากได้ดี ที่พีคมากก็คือเพลง Experiment On Me ในฉากแอคชั่นในคุกตอนกลางเรื่องที่ทั้งการตัดต่อ มุมกล้อง คิวบู๊ บวกกับเพลงประกอบทำให้ฉากนี้มันออกมาเท่ห์และมันส์สุดๆ

     สรุปแล้ว Birds of Prey ก็เป็นหนัง DCEU ที่ทั้งแปลก แหวก และโคตร weird แต่ว่าทำออกมาได้สนุก ถึงแม้ว่าหนังจะไม่ได้ดีเว่อร์อะไรมากมาย แต่ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่โคตรมันส์และน่าจดจำเป็นอย่างมาก ใครที่ชอบหนังแอคชั่นต่อสู้มันส์ๆ แบบ John Wick ผมว่าเรื่องนี้เข้าทางแน่นอนครับ หรือว่าใครที่ชอบฮาร์ลีย์ ควินน์ยิ่งต้องดูครับ เรื่องนี้เธอเด่นมาก และก็มีมิติเยอะกว่าตอนเล่น Suicide Squad เสียอีก
คะแนนเฉลี่ยรวม : 8.5/10เรตหนัง : หนังดีที่ควรดู